เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก พระราชวังฤดูหนาว &พระอาทิตย์เที่ยงคืน

เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก พระราชวังฤดูหนาว เคยเป็น เมืองหลวงเก่าของรัสเซีย ตั้งอยู่ที่ปากแม่น้ำเนวาก่อนที่จะไหลลงสู่ทะเลบอลติก เมื่อเทียบกับมอสโกในปัจจุบัน เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กมีความทันสมัยน้อยกว่า แต่รวมถึงพระราชวังและโบสถ์ที่งดงามมากมายและยังคงความงามของอาคารเก่าไว้ ร่องรอยแห่งประวัติศาสตร์ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ของจักรวรรดิรัสเซีย แต่แล้วเมืองหลวงของรัสเซียก็ถูกย้ายกลับไปที่มอสโก

พระเจ้าปีเตอร์มหาราชทรงเกณฑ์คนจำนวนมากมาสร้างเมืองใหม่นี้ เนื่องจากเมืองตั้งอยู่ปากแม่น้ำ มีตรอกซอกซอยมากมาย พวกเขากล่าวว่าก่อนการก่อสร้างหินควรเต็มไปด้วยโคลน คนงานหลายหมื่นคนเสียชีวิตเพื่อสร้างเมืองที่สวยงามแห่งนี้ และสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1712

ผู้เขียนไปเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กโดยรถไฟตู้นอน พวกเขาออกจากมอสโกตอนเที่ยงคืนและไปถึงปีเตอร์สเบิร์กในรุ่งสางของวันรุ่งขึ้น สิ่งแรกที่พบเมื่อมาถึงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก หลงทาง ยังหาที่พักไม่ได้ โชคดีที่ยังเช้าอยู่ เลยมีเวลาแวะชิมอาหารท้องถิ่นระหว่างทาง

เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กได้รับความทุกข์ทรมานอย่างมากจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และพิพิธภัณฑ์บางแห่งก็มีเรื่องราวที่น่าเศร้าเช่นนี้ แต่วันนี้ ไม่มีอะไรต้องกลัวสำหรับรัสเซีย สถานที่ทางประวัติศาสตร์หลายแห่งได้รับการสร้างขึ้นใหม่อย่างสวยงามเพื่อแสดงให้โลกเห็นอีกครั้ง

 

เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก พระราชวังฤดูหนาว มหาวิหารเซนต์ไอแซค

 

เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก พระราชวังฤดูหนาว  อุทิศให้กับนักบุญไอแซก นักบุญองค์อุปถัมภ์ของปีเตอร์มหาราช จักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 1 แห่งรัสเซีย (Alexander I) ได้สั่งให้สร้างโบสถ์แห่งนี้ ใช้เวลาสร้างถึง 40 ปี และสร้างเสร็จในปี 1858 ซึ่งเป็นเวลา 133 ปีหลังจากการสวรรคตของ King Peter I แต่รัฐบาลโซเวียตในเวลานั้นได้เปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์และยังคงสถานะนี้ไว้จนถึงปัจจุบัน

อาสนวิหารนักบุญไอแซก  เป็นอาสนวิหารของนิกายรัสเซียนออร์ทอดอกซ์ ตั้งอยู่ในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย มหาวิหารเซนต์ไอแซค เป็นโบสถ์ออร์โธดอกซ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังเป็นโบสถ์คริสต์ที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลก ตั้งชื่อตาม St. Isaac of Dalmatia ใครคือนักบุญอุปถัมภ์ของซาร์ปีเตอร์ที่ 1 ซึ่งประสูติในวันฉลองนักบุญไอแซก

การก่อสร้างอาสนวิหารใช้เวลาสี่ทศวรรษตั้งแต่ปี พ.ศ. 2361 ถึง พ.ศ. 2401 อาคารมีสถาปัตยกรรมฟื้นฟูคลาสสิก ได้รับการออกแบบโดย สถาปนิกชาวฝรั่งเศส Auguste de Montferrand ซึ่งศึกษาที่ห้องแสดงผลงานของ Charles Perzier ดีไซเนอร์คนโปรดของนโปเลียนที่ 1

 

พระราชวังฤดูหนาว (The Winter Palace – Hermitage Museum)

 

ในตอนแรกมันเป็น วังไม้ของปีเตอร์มหาราช หลังจากนั้นก็มีการสร้างและต่อเติมใหม่หลายครั้งโดยจักรพรรดิ์หลายพระองค์ ถูกไฟไหม้บางส่วนและเคยใช้เป็นโรงพยาบาลชั่วคราว ปัจจุบัน ตัวอาคารสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบบาโรค มี 2 ชั้น สูงประมาณ 30 เมตร แนวก่อสร้างเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีสวนตรงกลาง

พระราชวังฤดูหนาวเป็นหนึ่งในพระราชวังที่สวยที่สุดในรัสเซีย ที่นี่ใช้เป็นที่ประทับของ จักรพรรดิแห่งราชวงศ์โรมานอฟ  เป็นเวลา 150 ปี ก่อนจะเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี 1917 ภายในตกแต่งอย่างสวยงาม ภายในประกอบด้วยศิลปวัตถุต่าง ๆ รวมถึงภาพจิตรกรรมอันทรงคุณค่ามากมาย

พระราชวังฤดูหนาว เป็นพระราชวังที่ตั้งอยู่ใน เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก อดีตพระราชวังของราชวงศ์โรมานอฟของรัสเซียตั้งแต่ปี 1732 ถึง 1917 ตั้งอยู่ระหว่าง Palace Quay และ Palace Square พระราชวังฤดูหนาวในปัจจุบันเป็นพระราชวังแห่งที่สี่ มันถูกสร้างขึ้นอย่างต่อเนื่องระหว่างปลายทศวรรษที่ 1730 ถึง 1837 และกลายเป็นที่ตั้งของอาคารหลังที่สามที่ถูกไฟไหม้อย่างรุนแรง

พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เพื่อแสดงถึง อำนาจและสง่าราศีของซาร์แห่งรัสเซีย พระราชวังแห่งนี้มีพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 22,400,000 ตารางกิโลเมตร (1 ใน 6 ของโลก) และเป็นที่อยู่ของผู้คนมากกว่า 125 ล้านคน พระราชวังได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกหลายคน ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ Bartolomeo Rustrelli

ภายนอกพระราชวังใช้โทนสีเขียวและสีขาวด้วยสถาปัตยกรรมแบบบาโรก ตัวอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า สูงประมาณ 30 เมตร ส่วนหน้าของพระราชวังยาว 250 เมตร ตัวอาคารประกอบด้วยห้องมากกว่า 1,500 ห้อง ประตู 1786 บาน หน้าต่าง 1945 ขั้น และบันได 117 ขั้น ปัจจุบัน บางส่วนของพระราชวังฤดูหนาวเปิดให้สาธารณชนเข้าชมในฐานะพิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจ

 

โบสถ์แห่งหยดเลือด (The Church of the Savior on Spilled Blood)

 

เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก พระราชวังฤดูหนาว สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2426 โดยจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3 แห่งรัสเซีย (Alexander III) เพื่อระลึกถึงพระราชบิดา จักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 2 ตั้งอยู่ริมคลอง Griboedov ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2424 จักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 2 ถูกระเบิดเสียชีวิตขณะเดินเลียบริมฝั่งคลองกรีโบดอฟ กองทหารรักษาพระองค์ได้พาพระองค์กลับไปยังพระราชวังฤดูหนาว ซึ่งพระองค์เสด็จสวรรคตในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา โบสถ์ถูกสร้างขึ้นเพื่อขยายบางส่วนของคลอง ไปยังอาณาเขตของถนนที่จักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 2 เสด็จผ่าน มันเป็นส่วนหนึ่งของผนังโบสถ์ด้วย

โบสถ์หยดเลือดสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 ผู้ประกาศเลิกทาส ด้วยความปรารถนาดีต่อผู้คน ปรากฎว่าชาวรัสเซียไม่เข้าใจ เพราะหลังจากเลิกทาสแล้วชาวนากลับอยู่อย่างแร้นแค้น ชาวบ้านจึงกรูกันเข้าไปปลงพระชนม์พระราชา เขาส่งหญิงชาวบ้านที่ถูกกามิกาเซ่จับได้ขณะเดินผ่านไปมาหาเขา ต่อมา ถนนที่เกิดเหตุได้สร้างทับโบสถ์ จนถึงทุกวันนี้ได้กลายเป็นโบสถ์แห่งหยดเลือด

ความรู้สึกส่วนตัวคิดว่า Church of Spilled Blood แห่งนี้สวยงาม เดินไปมาก็ไม่เบื่อ ในการเดินทางครั้งนี้ฉันมีเวลาทำในสิ่งที่ฉันต้องการและเข้าไปในโบสถ์ (ได้ยินมาว่าคนไทยที่มาลงทุนเมืองนี้มองออกไปได้แค่ 15 นาทีก็กลับ…น่าเห็นใจครับ) แต่ฉันสามารถใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงที่นี่เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับคนอื่น ๆ ที่มารัสเซีย แต่ไม่ได้เข้าโบสถ์ (แล้วมาทำไมเนี่ย) นั่งเครื่องบินอ้อมยาวมาถ่ายรูปหน้าโบสถ์แล้วเดินทางต่อ…กรรม

โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ต้องมาเยี่ยมชม นอกจากจะมีสถาปัตยกรรมภายนอกที่สวยงามแล้ว อย่าสับสนกับแบบฟอร์มการชำระเงินและการเดินทางเพราะภายในโบสถ์มีความละเอียดมาก บรรยากาศเต็มไปด้วยความสงบ มีตัวอย่างกระเบื้องโมเสคที่มีชื่อเสียงที่น่าประทับใจ มารัสเซียทั้งทีต้องมาดู icon ให้ได้ แม้แต่ชาวยุโรปก็ยังถือว่า Church of the Spilled Blood เป็นไอคอนรัสเซียที่มีเอกลักษณ์และอเนกประสงค์

 

บทความแนะนำ